Thai silk History
ประวัติผ้าไหมไทย
ผ้าไหมไทย
เป็นมรดกทางวัฒนธรรมการแต่งกายที่สืบสานกันมากว่า 3,000 ปี มาแล้ว
โดยมีแหล่งสำคัญอยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และได้ขยายไปยังภาคเหนือตอนบน
จนปัจจุบันได้แพร่กระจายไปทุกภูมิภาคของประเทศซึ่งมีความแตกต่างกันในลวดลายตามเชิงความคิดและวัฒนธรรมแต่ละท้องถิ่น
ในอดีตผ้าไหมเป็นที่รู้จักกันในวงแคบๆ ของชุมชนที่ผลิตและใช้กันภายในกลุ่ม
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีวิสัยทัศน์ยาวไกล
ได้ทรงนำผ้าไหมออกสู่ตลาดโลก จนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ
Thai Silk หรือผ้าไหมไทย
อย่างแพร่หลาย และการบินไทย ที่เป็นสายการบินแห่งชาติ ยังนำไปใช้เป็นคำขวัญว่า
Smooth as Silk
การดูแลรักษาผ้าไหมไทยอย่างถูกวิธี
ผ้าชิ้น
สำหรับผ้าไหมที่ซื้อมาใหม่
ก่อนจะนำผ้าไหมไปตัด ควรจะนำไปแช่น้ำหรืออบไอน้ำ
ก่อนเพื่อให้ผ้าไหมคงรูปได้ดีขึ้นหลังการตัดเย็บ
1. การซัก ทำความสะอาดผ้าไหม
1.1
ควรทำความสะอาดผ้าไหมให้ดูใหม่อยู่เสมอด้วยการซักด้วยน้ำยาซักแห้ง
ชนิดอ่อนทุกครั้งไม่ควรซักด้วยผงซักฟอก
และจะถนอมผ้าได้ดียิ่งขึ้นหากเป็นน้ำยาซักแห้งสำหรับซัก ทำความสะอาดผ้าไหมโดยเฉพาะ
1.2 ไม่แนะนำให้ซักผ้าไหมด้วยเครื่องซักผ้า เพราะจะทำให้ผ้าไหมยับมาก ผ้าดูเป็นขุยและทำให้
รีดยาก ควรซักผ้าไหมด้วยมือด้วย ขยี้และบิดเบาๆ ไม่ควรขยี้หรือบิดผ้าแรงๆ
เพราะจะทำให้ผ้าเสียทรงได้
1.3 ไม่ควรแช่น้ำหรือน้ำยาซักต่างๆ แม้แต่น้ำยาซักแห้งใว้นานโดยเฉพาะ
ผ้าไหมที่สีสด เช่น สีฟ้าสด สีชมพูสด สีส้มสด
หลังจากซักเสร็จแล้วควรสลัดผ้าไหมให้คลายตัวและไม่ย่นก่อนนำไปตาก
เมื่อผ้าแห้งจะทำให้รีดผ้าไหมได้ง่ายขึ้น
2. การตากผ้าไหมภายหลังการซัก ทำความสะอาด
2.1
ควรตากในที่ร่ม หรือแดดอ่อนๆ เพื่อป้องกันสีซีด เนื่องจากแสงแดด หรือแสง อัลตร้าไวโอเล็ต
(Ultraviolet)
2.2 ก่อนที่จะตากผ้า ควรสลัดเบาๆ ให้ผ้าคลายตัวก่อนตาก
เพื่อให้ง่ายต่อการรีดเรียบ
3. การรีดผ้าไหม
3.1
ในการรีด แนะนำให้รีดด้วยเตารีดไอน้ำ
3.2 สำหรับเตารีดความร้อนควรใช้ไฟอ่อนและควรมีผ้าบางๆรองรีด
ไม่ควรรีดโดยตรงที่ผ้าไหม
3.3 กรณีที่ต้องการใช้น้ำรีดผ้าเรียบ ควรใช้ตามสัดส่วนที่กำหนด ควรช้น้ำยารีดผ้าไหมโดยเฉพาะโดย
ฉีดพรมน้ำยาให้ทั่ว แล้วใช้ความร้อนอ่อน
3.4
สำหรับผ้าไหมพิมพ์ลาย ให้ลดความร้อนลงจากปกติประมาณ
1-2
ระดับและควรใช้ผ้ารองรีด ไม่ควรรีดโดยตรงบนผ้าไหม
เพราะจะทำให้ผ้าไหมขึ้นเงาไม่เท่ากันได้
4.
การรีดผ้าไหมที่ยับมาก
ให้พรมน้ำหรือฉีดน้ำยาหมาดๆ แล้วพับให้เรียบร้อยใส่ถุงพลาสติก นำเข้าช่อง
แช่แข็งในตู้เย็นประมาณ 10
นาทีแล้วจึงนำออกมารีด จะทำให้รีดได้เรียบ
และง่ายกว่าเดิม เนื่องจากใยผ้ามีความชื้นอยู่ภายในอย่างสม่ำเสมอ
ผ้าไหมไทยชนิดต่างๆ
ประเภทของผ้าไหม
รูปแบบผ้าไหมไทย
มีชื่อเรียกขานแตกต่างกันตามวิธีการผลิต และลวดลายของผ้า เช่น
-
ผ้าไหมพื้น เป็นผ้าไหมที่ทอลายขัด
โดยใช้เส้นยืนละเส้นพุ่งธรรมดา สีเดียวตลอดทั้งผืน
หรืออาจใช้เส้นยืนหรือเส้นพุ่งต่างกันก็ได้
-
ผ้ามัดหมี่ เป็นผ้าไหมที่มีถิ่นกำเนิดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีวิธีการทำด้วยการมัดด้ายให้เป็นลวดลายที่เส้นพุ่ง หรือเส้นยืนด้วยเชือก
แล้วนำไปย้อมสีทีละขั้นตอนของลายผ้าที่มัดไว้
เพื่อให้ได้สีและลวดลายตามที่ต้องการ แล้วจึงนำมาทอเป็นผืนผ้าตามลวดลายที่มัดไว้
-
ผ้าขัด เป็นผ้าไหมแบบทอยกลายในตัวด้วยกรรมวิธีเขี่ย
หรือสะกิดเส้นได้ยืนขึ้น แล้วสอดเส้นพุ่งไปตามแนวเส้นยืน จังหวะการสอดเส้นด้าย
จะทำให้เกิดลวดลายรูปแบบต่างๆ
-
ผ้ายก เป็นผ้าไหมที่ทอยกลายในตัวโดยใช้เส้นพุ่งพิเศษเป็นดิ้นเงิน
ดิ้นทอง โดยใช้วิธีการเก็บตะกรอเช่นเดียวกับการทอขิด
มีทอกันอย่างแพร่หลายในภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน
ภาคใต้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่รู้จักกันในชื่อของ
“ไหมพุมเรียง”
-
ผ้าจก
เป็นผ้าที่ใช้วิธีการเก็บและทอเช่นเดียวกับผ้าขิด แต่มีการทำลวดลายด้วยการเพิ่ม
เส้นพุ่งพิเศษเข้าไปเป็นช่วงๆ ไม่ติดต่อกันตลอด มีการสลับสีและลวดลายได้ต่างๆกัน
-
ผ้าแพรวา
เป็นผ้าทอที่มีลักษณะลวดลายผสมระหว่างลายขิด และลายจก บนผืนผ้า
“แพรวา”
หมายถึงผ้าที่มีความยาวประมาณวา
เพื่อใช้เป็นสไบและใช้ในงานพิธีต่างๆตามวัฒนธรรมของเขตภูไท
ปัจจุบันได้มีการดัดแปลงให้เหมาะสมตามสมัยนิยม
-
ผ้าไหมบาติก
เป็นผ้าไหมสีพื้นและนำมาเขียนลวดลายบนเนื้อผ้า ด้วยขี้ผึ้ง
( wax )
แล้วนำไปย้อมสีตามต้องการ จากนั้นจึงนำไปต้มเพื่อให้ขี้ผึ้งออก
ก็จะได้ลวดลายสีสันสวยงาม
|